ผลการดำเนินงาน

นับตั้งแต่การเริ่มทดสอบระบบโครงการเหมืองแร่ชาตรีคอมเพล็กซ์ในเดือนพฤศจิกายน 2544 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2556 เหมืองแร่ดังกล่าวได้มีการผลิตทองคำไปแล้วกว่า 1.3 ล้านออนซ์และเงินกว่า 5.8 ล้านออนซ์ จากผลสำรวจข้อมูลทองคำ Gold Survey ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนเมษายน 2556 โดยบริษัท Thomson Reuters GFMS พบว่าบริษัทฯ อยู่ในกลุ่มของผู้ประกอบการทองคำที่มีต้นทุนการดำเนินงานที่เป็นเงินสด (cash operating cost) ในช่วงครึ่งล่างของต้นทุนการผลิต (cost curve) ของผู้ผลิตทองคำทั่วโลก สำหรับรอบปีปฏิทินสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ทั้งนี้ ในปีปฏิทินสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2556 บริษัทฯ ผลิตทองคำจำนวน 133 พันออนซ์ โดยใช้ต้นทุนการผลิตที่เป็นเงินสดทั้งสิ้น 767 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์หลังรวมค่าภาคหลวง

ในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา กำลังการผลิตของโครงการเหมืองแร่ชาตรีคอมเพล็กซ์ได้เพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตติดตั้งเริ่มต้นที่ 1 ล้านตัน/ปี ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2544 มาจนถึงกำลังการผลิตติดตั้งในปัจจุบันที่ 5 ล้านตัน/ปี ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2556 อนึ่ง การขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องนี้เป็นผลมาจากการปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด (streamlining) ประกอบกับการแก้ไขกระบวนการผลิตที่เป็นคอขวด (debottlenecking) ซึ่งส่งผลให้กำลังการผลิตในปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.2 ล้านตัน/ปี ทั้งนี้ ในรอบปีปฏิทินสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2556 บริษัทฯ ได้ดำเนินการแต่งแร่ไปแล้วทั้งสิ้น 5.7 ล้านตัน

ณ สิ้นเมษายน 2556 บริษัทฯ ได้คำนวนปริมาณสำรอง ที่ความสมบูรณ์ของทองคำในสินแร่ที่ต่ำที่สุดที่สามารถทำเหมืองแร่ได้ (cut-off grade) ที่ 0.3 กรัม/ตันนั้น โครงการชาตรีจะมีปริมาณแร่ทองคำ 4.03 ล้านออนซ์ และปริมาณแร่เงิน 32.8 ล้านออนซ์ ในปริมาณสำรองสินแร่ทั้งสิ้น 188.3 ล้านตัน โดยแหล่งแร่ที่ได้ คำนวนปริมาณสำรองใหม่แล้วนั้นได้หักปริมาณสำรองแร่ที่ใช้แล้วในการผลิตไปจนถึง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2556 แล้วนั้น มีแร่ทองคำเพิ่มขึ้น 356,000 ออนซ์ และแร่เงินเพิ่มขึ้น 2,162,000 เมื่อเปรียบเทียบกับการคำนวนปริมาณสำรองสินแร่ทองคำของโครงการชาตรีในเดือนมิถุนายน 2555 ที่ cut-off grade เดียวกัน

บริษัทฯ ดำเนินการขุดเจาะแร่ภายในบริเวณที่ได้รับประทานบัตรเหมืองแร่โดยมีเป้าหมายในการสำรวจแหล่งทรัพยากรแร่ชนิด Inferred Resources ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับบ่อแร่ที่บริษัทฯ ดำเนินการในปัจจุบันเพื่ออัพเกรดให้เป็น Indicated Resources หรือ Measured Resources

จุดแข็งขององค์กร
บริษัทฯ เชื่อว่าข้อได้เปรียบสำคัญที่ทำให้สามารถแข่งขันได้ ได้แก่
บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตทองคำในภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกที่เป็นผู้นำด้านต้นทุนต่ำ (low-cost leader)และมีกระแสเงินสดอิสระจากการดำเนินงานสูงโดยไม่มีการป้องกันความเสี่ยง
บริษัทฯ มีปริมาณสำรองสินแร่และแหล่งแร่ที่ใหญ่และมีความยั่งยืนและมีศักยภาพในการสำรวจเพิ่มเติม
บริษัทฯ มีความได้เปรียบจากการเป็นผู้เล่นในตลาดรายแรกในประเทศไทย โดยวางแผนในการใช้ประโยชน์จากโอกาสในการลงทุนเหมืองทองคำในประเทศไทย
บริษัทฯ มีทีมผู้บริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์สามารถดำเนินการให้เกิดการเติบโตของบริษัทฯ
บริษัทฯ ได้ประโยชน์ในแง่ของการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากความสัมพันธ์กับทาง Kingsgate
บริษัทฯ ใช้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ในเรื่องความปลอดภัย ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน